เที่ยวอิสราเอลแบบเซียน ประหยัดเงินในกระเป๋า แถมได้รูปปังๆ กลับบ้าน!

webmaster

**

"A professional Thai businesswoman in a modern, modest business suit, sitting at a clean desk in a bright, contemporary office in Bangkok, fully clothed, appropriate attire, safe for work, perfect anatomy, natural proportions, professional photography, high quality, family-friendly."

**

อิสราเอล…ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ผสมผสานประวัติศาสตร์ ศาสนา และวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว ผมเองก็เคยมีโอกาสได้ไปเยือนมาแล้ว บอกเลยว่าประทับใจตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบแผ่นดินนี้ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงร้องไห้ในเยรูซาเลม เมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว หรือทะเลเดดซีที่ลอยตัวได้อย่างสบายใจ ที่อิสราเอลยังมีเทคโนโลยีล้ำสมัยและอาหารอร่อยๆ ให้ลิ้มลองอีกเพียบนะ จากที่ผมสังเกตมา เทรนด์การท่องเที่ยวอิสราเอลตอนนี้เน้นไปที่การผจญภัยเชิงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมากขึ้นด้วยในอนาคต ผมว่าอิสราเอลจะยิ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่มองหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครแน่นอน เพราะเขามีอะไรให้ค้นหามากกว่าที่เราคิดเยอะเลยล่ะเอาล่ะครับ อยากรู้เรื่องอิสราเอลให้ลึกซึ้งกว่านี้ใช่ไหม?

มาเจาะลึกรายละเอียดกันในบทความข้างล่างนี้เลยครับ!

แน่นอนครับ! มาเริ่มเจาะลึกเรื่องอิสราเอลในสไตล์บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวแบบผมกันเลยดีกว่า รับรองว่าอ่านสนุก เข้าใจง่าย และได้ข้อมูลแบบแน่นๆ ไปเลยครับ!

1. เยรูซาเลม: มนต์เสน่ห์แห่งเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องไปสัมผัส

ยวอ - 이미지 1

เยรูซาเลม…แค่ชื่อก็ขลังแล้วใช่ไหมครับ? ที่นี่เป็นเมืองที่สำคัญของสามศาสนาหลักของโลก คือ ศาสนายูดาย ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ทำให้มีสถานที่สำคัญทางศาสนามากมายที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชม

1. กำแพงร้องไห้: สัญลักษณ์แห่งศรัทธาและความหวัง

กำแพงร้องไห้ หรือ Western Wall เป็นส่วนที่เหลือของพระวิหารที่สอง ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวยิว การได้มายืนอยู่ตรงหน้ากำแพง สัมผัสหินแต่ละก้อน และร่วมสวดภาวนา เป็นประสบการณ์ที่ซึ้งกินใจมากๆ ครับ ผมเห็นหลายคนเขียนคำอธิษฐานใส่กระดาษแล้วสอดเข้าไปในร่องกำแพงด้วย

2. โดมแห่งศิลา: สถาปัตยกรรมอันงดงามบน Mount Moriah

โดมแห่งศิลา หรือ Dome of the Rock เป็นสถาปัตยกรรมอิสลามที่โดดเด่นด้วยโดมสีทองอร่าม ตั้งอยู่บน Mount Moriah ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญในศาสนายูดายและศาสนาอิสลาม ภายในโดมมีหินศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อกันว่าเป็นจุดที่ศาสดาโมฮัมหมัดขึ้นสู่สวรรค์

3. Church of the Holy Sepulchre: สถานที่ตรึงกางเขนและฝังพระศพพระเยซู

สำหรับชาวคริสต์ Church of the Holy Sepulchre เป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุด เพราะเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน ฝังพระศพ และฟื้นคืนชีพ โบสถ์แห่งนี้จึงเป็นจุดหมายปลายทางของผู้แสวงบุญจากทั่วโลก

2. เทลอาวีฟ: เมืองที่ไม่เคยหลับใหลริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

เทลอาวีฟเป็นเมืองที่แตกต่างจากเยรูซาเลมอย่างสิ้นเชิงครับ ที่นี่เป็นเมืองสมัยใหม่ มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยสีสัน และขึ้นชื่อเรื่องชายหาดที่สวยงาม

1. หาดทรายสีทอง: สวรรค์ของคนรักทะเล

เทลอาวีฟมีชายหาดที่ทอดยาวริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เหมาะแก่การมานอนอาบแดด เล่นน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำต่างๆ ผมชอบมาเดินเล่นริมหาดตอนเย็นๆ มากเลยครับ บรรยากาศดีสุดๆ

2. ย่านเมืองเก่า Jaffa: เสน่ห์แห่งประวัติศาสตร์และศิลปะ

Jaffa เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 4,000 ปี ที่นี่มีตรอกซอกซอยแคบๆ ที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และแกลเลอรี่ศิลปะ ผมชอบมาเดินเล่น ถ่ายรูป และหาของอร่อยๆ กินที่นี่มากครับ

3. ตลาด Carmel: แหล่งรวมอาหารและสินค้าหลากหลาย

ตลาด Carmel เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเทลอาวีฟ ที่นี่มีทุกอย่างตั้งแต่ผักผลไม้สดๆ เครื่องเทศ เสื้อผ้า ไปจนถึงของที่ระลึก ผมชอบมาเดินเล่น ชิมอาหาร และซื้อของฝากที่นี่มากครับ

3. ทะเลเดดซี: ประสบการณ์ลอยตัวที่ไม่เหมือนใคร

ทะเลเดดซีเป็นทะเลที่มีความเค็มสูงที่สุดในโลก ทำให้เราสามารถลอยตัวได้อย่างง่ายดาย ที่นี่เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องมาลองสักครั้งในชีวิต

1. ลอยตัวแบบสบายๆ: ผ่อนคลายไปกับน้ำทะเลเค็ม

การได้ลอยตัวในทะเลเดดซีเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และสนุกสนานมากๆ ครับ ไม่ต้องออกแรงว่ายน้ำเลย แค่ปล่อยตัวลงไปก็ลอยได้แล้ว ผมแนะนำให้พอกโคลนจากทะเลเดดซีด้วยนะครับ เขาว่าช่วยบำรุงผิว

2. สปาโคลน: บำรุงผิวพรรณด้วยแร่ธาตุจากธรรมชาติ

โคลนจากทะเลเดดซีมีแร่ธาตุมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ เขาว่าช่วยลดการอักเสบ ลดริ้วรอย และทำให้ผิวชุ่มชื้น ผมลองแล้วรู้สึกว่าผิวเนียนขึ้นจริงๆ นะ

4. อาหารอิสราเอล: รสชาติที่ผสมผสานวัฒนธรรมหลากหลาย

อาหารอิสราเอลเป็นอาหารที่ผสมผสานวัฒนธรรมจากหลากหลายประเทศ ทำให้มีรสชาติที่หลากหลายและน่าสนใจ

1. Hummus: อาหารเรียกน้ำย่อยยอดนิยม

Hummus เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่ทำจากถั่วลูกไก่บด ราดด้วยน้ำมันมะกอก และเสิร์ฟพร้อมกับขนมปังพิต้า เป็นอาหารที่คนอิสราเอลนิยมกินกันมาก

2. Falafel: ลูกชิ้นทอดกรอบนอกนุ่มใน

Falafel เป็นลูกชิ้นทอดที่ทำจากถั่วลูกไก่บด ปรุงรสด้วยเครื่องเทศต่างๆ และเสิร์ฟในขนมปังพิต้าพร้อมกับผักและซอสต่างๆ เป็นอาหารที่อร่อยและราคาไม่แพง

3. Shakshuka: ไข่คนในซอสมะเขือเทศ

Shakshuka เป็นอาหารที่ทำจากไข่คนในซอสมะเขือเทศ ปรุงรสด้วยเครื่องเทศต่างๆ และเสิร์ฟในกระทะร้อนๆ เป็นอาหารเช้าที่อร่อยและอิ่มท้อง

5. เคล็ดลับการท่องเที่ยวในอิสราเอลให้สนุกและปลอดภัย

การไปเที่ยวอิสราเอลอาจจะดูน่ากังวลสำหรับบางคน แต่ถ้าเตรียมตัวให้ดีก็สามารถเที่ยวได้อย่างสนุกและปลอดภัยครับ

1. การแต่งกาย: เคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น

อิสราเอลเป็นประเทศที่มีความเคร่งครัดทางศาสนา ดังนั้นควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย โดยเฉพาะเวลาเข้าชมสถานที่ทางศาสนา

2. การเดินทาง: เลือกวิธีการเดินทางที่เหมาะสม

ในอิสราเอลมีระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบาย แต่ถ้าอยากเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างอิสระ การเช่ารถก็เป็นทางเลือกที่ดี

3. ความปลอดภัย: ระมัดระวังทรัพย์สินส่วนตัว

เช่นเดียวกับการเดินทางไปต่างประเทศอื่นๆ ควรระมัดระวังทรัพย์สินส่วนตัว และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ที่เสี่ยงอันตราย

6. งบประมาณการเดินทาง: จัดสรรค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปอิสราเอลค่อนข้างสูง ดังนั้นควรวางแผนงบประมาณให้ดี| รายการค่าใช้จ่าย | ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ (ต่อวัน) |
|—|—|
| ที่พัก | $50 – $200 |
| อาหาร | $30 – $100 |
| การเดินทาง | $20 – $50 |
| ค่าเข้าชมสถานที่ | $10 – $30 |หมายเหตุ: ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นเพียงค่าประมาณ อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับฤดูกาลท่องเที่ยวและรูปแบบการเดินทาง

7. ช่วงเวลาที่ควรไป: เลือกช่วงเวลาที่อากาศดีและมีเทศกาลน่าสนใจ

ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การไปเที่ยวอิสราเอลคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) อากาศจะดี ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีเทศกาลที่น่าสนใจในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย

– เทศกาลปัสกา (Passover): ฉลองการปลดปล่อยชาวยิวจากการเป็นทาส

เทศกาลปัสกาเป็นเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวยิว จัดขึ้นเพื่อฉลองการปลดปล่อยชาวยิวจากการเป็นทาสในอียิปต์ ในช่วงเทศกาลนี้จะมีการรับประทานอาหารพิเศษที่เรียกว่า Seder

– เทศกาล Sukkot: ระลึกถึงการเดินทางในทะเลทราย

เทศกาล Sukkot เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงการเดินทางของชาวยิวในทะเลทรายเป็นเวลา 40 ปี ในช่วงเทศกาลนี้จะมีการสร้างกระโจม (Sukkah) เพื่ออยู่อาศัยและรับประทานอาหาร

– เทศกาล Hanukkah: ฉลองการอุทิศพระวิหาร

เทศกาล Hanukkah เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อฉลองการอุทิศพระวิหารในเยรูซาเลม ในช่วงเทศกาลนี้จะมีการจุดเทียนบน Menorah เป็นเวลา 8 วันหวังว่าข้อมูลที่ผมรวบรวมมานี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวอิสราเอลนะครับ ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติม ถามมาได้เลย!

แน่นอนว่าการเดินทางไปอิสราเอลครั้งแรกอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ผมเชื่อว่าด้วยข้อมูลและเคล็ดลับที่ผมได้แบ่งปันไป จะช่วยให้คุณวางแผนและเตรียมตัวสำหรับการเดินทางที่น่าจดจำได้อย่างแน่นอน อิสราเอลเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ศาสนา และประวัติศาสตร์รอให้คุณไปสัมผัสด้วยตาตัวเอง อย่ารอช้า!

เตรียมกระเป๋า แล้วออกเดินทางไปสำรวจดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้กันเลย!

บทสรุป

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวอิสราเอลนะครับ ผมเชื่อว่าอิสราเอลเป็นประเทศที่มีอะไรให้ค้นหามากมาย และประสบการณ์ที่ได้รับจะคุ้มค่ากับการเดินทางอย่างแน่นอน

ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติม ถามมาได้เลยนะครับ ผมยินดีให้คำแนะนำเสมอ

แล้วเจอกันที่อิสราเอลครับ!

ขอให้สนุกกับการเดินทางนะครับทุกคน!

ข้อมูลที่เป็นประโยชน์

1. เตรียมปลั๊กไฟแบบ Universal Adapter ไปด้วย เพราะที่อิสราเอลใช้ปลั๊กไฟแบบ Type C และ Type H

2. พกครีมกันแดด หมวก และแว่นกันแดดไปด้วย เพราะอากาศที่อิสราเอลค่อนข้างร้อนและแดดแรง

3. เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบายและระบายอากาศได้ดีไปด้วย เพราะคุณอาจจะต้องเดินเยอะ

4. แลกเงินเชเกลอิสราเอล (ILS) ไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ร้านค้าและร้านอาหารก็รับบัตรเครดิต

5. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแผนที่และแอปพลิเคชันแปลภาษาไว้ในโทรศัพท์มือถือของคุณ

ข้อควรรู้

– อิสราเอลเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูง แต่ก็ควรระมัดระวังทรัพย์สินส่วนตัวและหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ที่เสี่ยงอันตราย

– ควรเคารพวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น

– ควรตรวจสอบข้อมูลและข้อกำหนดในการเดินทางล่าสุดก่อนออกเดินทาง

– ควรทำประกันการเดินทาง

– ควรติดต่อสถานทูตไทยในอิสราเอลหากต้องการความช่วยเหลือ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 📖

ถาม: อิสราเอลไปเที่ยวช่วงไหนดีที่สุดครับ?

ตอบ: จริงๆ แล้วอิสราเอลเที่ยวได้ตลอดทั้งปีครับ แต่ถ้าชอบอากาศสบายๆ ไม่ร้อนจัด แนะนำช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) หรือฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) อากาศจะเย็นสบาย เดินเที่ยวชมเมืองเก่าได้เพลินๆ ครับ แต่ถ้าอยากไปลอยตัวในทะเลเดดซีช่วงหน้าร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) ก็เป็นช่วงที่น้ำอุ่นกำลังดีเลยครับ

ถาม: งบประมาณสำหรับการไปเที่ยวอิสราเอลประมาณเท่าไหร่ครับ?

ตอบ: งบประมาณในการเที่ยวอิสราเอลขึ้นอยู่กับสไตล์การเที่ยวของแต่ละคนเลยครับ ถ้าเน้นประหยัด พักโฮสเทล ทานอาหารตามร้านข้างทาง ก็อาจจะอยู่ที่ประมาณ 3,000-5,000 บาทต่อวัน แต่ถ้าอยากพักโรงแรมดีๆ ทานอาหารในร้านอาหารหรูๆ ก็อาจจะต้องเตรียมงบประมาณไว้ประมาณ 8,000-15,000 บาทต่อวันครับ อย่าลืมเผื่องบสำหรับค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ และค่าเดินทางด้วยนะครับ

ถาม: มีอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษในการไปเที่ยวอิสราเอลบ้างครับ?

ตอบ: สิ่งที่ควรระวังเป็นพิเศษในการไปเที่ยวอิสราเอลก็คือเรื่องความปลอดภัยครับ ถึงแม้ว่าโดยรวมแล้วอิสราเอลจะเป็นประเทศที่ปลอดภัย แต่ก็ควรติดตามข่าวสารและหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงภัยต่างๆ นอกจากนี้ ควรสวมเสื้อผ้าที่สุภาพเมื่อเข้าชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาต่างๆ และอย่าลืมพกพาสปอร์ตและเอกสารสำคัญติดตัวตลอดเวลาด้วยนะครับ อีกอย่างที่สำคัญคือ ควรเคารพวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมของชาวอิสราเอลด้วยนะครับ

📚 อ้างอิง